แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 19
1
รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างขนของชุมพร สนใจติดต่อสอบถามเข้ามาได้เลย

เราอยากจะขอแนะนำ รถรับจ้างขนของชุมพร ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ที่ประกอบกิจการ รับจ้างขนของ ไม่ว่าจะเป็นงาน ขนย้ายบ้าน ย้ายของ ย้ายหอ ย้ายคอนโด ย้ายเครื่องจักร ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายสำนักงาน ซึ่งไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้างจังหวัดชุมพร รถ 6 ล้อรับจ้างจังหวัดชุมพร ที่พร้อมจะให้บริการท่านตลอด 24 ชั่วโมงเป็นอย่างดีและเป็นกันเองรวมไปจนถึง รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้างจังหวัดชุมพร รถเฮี๊ยบรับจ้างจังหวัดชุมพร รถสิบล้อรับจ้างจังหวัดชุมพร รถขนของจังหวัดชุมพร รถรับจ้างทั่วไปชุมพร แน่นอนว่า เมื่อรถรับจ้างขนของจำนวนมากมายในปัจจุบัน การแข่งขันในด้านงานบริการจึงเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้บริการรถรับจ้างจะต้องคำนึงถึงนอกเหนือจากราคานั่นก็คืองานบริการที่ดีนั่นเอง คำว่างานบริการที่ดีนั้นประกอบด้วย

ขนส่ง ผู้นำด้านงานบริการ รถรับจ้างขนของชุมพร เราเริ่มต้นจากงานบริการที่ มีรถเพียง 1 คัน จนในปัจจุบันเรามีทีมงานที่มีประสบการณ์เข้ามา บริการงานรับจ้างขนของให้กับลูกค้าทุกคน เป็นทีมที่มีขนาดใหญ่และมีความแข็งแกร่ง มีความชำนาญในการขนย้ายเป็นอย่างมาก เราให้บริการลูกค้าด้วยความจริงใจและมีความเป็นกันเอง ราคาค่าขนย้ายที่ไม่แพงเราเน้นใช้ พนักงานและทีมรถรับจ้างของคนในพื้นที่เท่านั้น เพื่อให้ คนขับรถมีรายได้ ในการ ใช้ชีวิตความเป็นอยู่ ให้เขาสามารถอยู่ได้ ดังนั้นหากลูกค้าท่านใดประสงค์ที่อยากจะใช้บริการ รถขนของชุมพร สามารถที่จะแจ้งข้อมูลรายละเอียดในการขนย้ายให้กับเจ้าหน้าที่ของเราได้เลยเราจะมีเจ้าหน้าที่ไว้คอยประสานงานและพูดคุยให้รายละเอียดก่อนการขนย้ายที่ดีแก่ลูกค้าทุกคน ที่เข้ามาสนใจอยากจะใช้บริการ รถรับจ้าง ของเรา

1.ความสะอาดของรถ นั่นหมายถึง รถขนของจังหวัดชุมพร ที่มาให้บริการรับจ้างขนของนั้นจะต้องมีความสะอาด มีการดูแลรถเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าของเรานั้นสกปรกจากการขนย้าย มีการทำความสะอาดที่ดีก่อนขนย้ายของให้กับผู้ใช้บริการในแต่ละครั้ง

2.งานให้บริการที่เป็นกันเอง นั้นหมายถึงผู้ให้บริการหรือเจ้าหน้าที่ในการ ประสานงานรวมไปจนถึงพนักงานขับรถ จะต้อง พูดจาสุภาพ มีความเป็นกันเองและยินดีที่จะช่วยเหลืองาน รับจ้างขนของชุมพร เราอย่างเต็มที่

3.ความปลอดภัยและความซื่อสัตย์ หมายถึง ในระหว่างการขนย้ายพนักงานขับ รถรับจ้างขนของ ทุกคนจะต้องพึงระวังในเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก นั่นก็คือการใช้ความเร็วในการขับรถที่ไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป ต้องอยู่ในตามมาตรฐานกฎหมายกำหนดไว้ ไม่ดื่มสุราในระหว่างการขับขี่ และที่สำคัญ ต้องดูแลสินค้าของลูกค้าให้ดีเป็นที่สุดไม่ให้สูญหาย

4.มีใจรักในงานบริการ นั่นเป็นพื้นฐานของจิตรู้สึกของผู้ให้บริการ เพราะการที่ได้ทำงานในสิ่งที่รักนั้นจะทำให้งานนั้นออกมาดี มีคุณภาพ และมีการปฏิบัติงานที่พร้อมจะช่วยเหลือลูกค้าหรือผู้ใช้บริการรถขนของอยู่ตลอดเวลา

5.ติดต่อได้ ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถที่จะตรวจสอบสถานะของงานที่รับจ้างขนย้ายของได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน สินค้าถึงไหนแล้วสามารถตรวจเช็คได้อย่างไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และที่สำคัญสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการรับจ้างขนของในทุกๆครั้ง

ท่านใดที่สนใจต้องการอยากจะใช้บริการ รถรับจ้างจังหวัดชุมพร สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามได้ตามเบอร์โทรและ รายละเอียดที่ให้ไว้ด้านล่างนี้

คุณอยากเจออะไรเมื่อมาจังหวัดชุมพรที่นี่ แน่นอนว่าจะต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างมากมาย ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากจะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจากทีมงานขนส่งผู้ให้ บริการรถรับจ้างขนของจังหวัดชุมพร ทุกประเภท ด้วยงานบริการทุกชนิด ขนย้ายบ้าน รับจ้างขนของทั่วไป ขนย้ายสินค้าทางการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายวัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าคุณจะไปสถานที่ท่องเที่ยวแห่งไหน เราอยากจะขอแนะนำในจังหวัดชุมพรแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง

    หาดทรายรี
    ศาลกรมหลวงชุมพร
    จุดชมวิวเขามัทรี
    เกาะรังกาจิว
    เกาะมัตรา
    เกาะหลักแรด
    ศาลกรมหลวง หัวเขาถ่าน
    เขาทะลุ ดอยตาปัง
    บ้านเกาะเตียบ กินปูห้อยขา
    ล่องแพพะโต๊ะ

จุดการให้บริการ รถรับจ้างขนของชุมพร ด้วยความต้องการที่อยากให้ผู้ใช้บริการรถรับจ้างขนของ มีความสะดวกในการเรียกใช้งานรถขนของและใช้เวลาอันสั้นในการโทรแจ้งรถรับจ้างในแต่ละครั้งให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จึมีจุดให้บริการรถขนของในชุมพร ซึ่งได้แก่

    รถรับจ้างขนของอำเภอเมืองชุมพร
    รถรับจ้างขนของอำเภอท่าแซะ
    รถรับจ้างขนของอำเภอทุ่งตะโก
    รถรับจ้างขนของอำเภอปะทิว
    รถรับจ้างขนของอำเภอพะโต๊ะ
    รถรับจ้างขนของอำเภอละแม
    รถรับจ้างขนของอำเภอสวี
    รถรับจ้างขนของอำเภอหลังสวน

ขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการ รถรับจ้างขนของชุมพร เราสัญญาว่าจะบริการ งานรับจ้างขนของให้ดีที่สุดและมีความปลอดภัยในสินค้าเป็นอย่างมากที่สุด ท่านสามารถไว้ใจเราได้ เราต้องขอขอบคุณ ทุกลูกค้าที่ให้โอกาสเรา เป็นอย่างสูงยิ่ง ที่ได้ให้โอกาสเรารับใช้ท่านทุกครั้ง ไม่ว่า รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถขนของ รถรับจ้าง4ล้อใหญ่ รถสิบล้อรับจ้าง รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง และ รถรับจ้างย้ายบ้าน ทุกคันของงานบริการของเรา จะทำหน้าที่บริการรับจ้างขนของแก่ท่านให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ

2
หมอออนไลน์: หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน (Acute bronchitis)

หลอดลมอักเสบ* หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลม

หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักพบหลังเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น และกลุ่มคนที่สูบบุหรี่หรือสัมผัสถูกสิ่งระคายเคือง (ฝุ่น ควัน ) ส่วนใหญ่มักจะหายได้เอง และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

*หลอดลมอักเสบ หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลม ทำให้ต่อมเมือก (mucous gland) โตขึ้นและหลั่งเมือก (เสมหะ) ออกมามากกว่าปกติ อุดกั้นให้ช่องทางเดินหลอดลมแคบลง ส่งผลให้เกิดอาการไอมีเสมหะ บางครั้งอาจมีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วย

สาเหตุ

1. จากการติดเชื้อ ส่วนมากเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกับที่ก่อให้เกิดไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ และติดต่อแบบเดียวกับไข้หวัด

ส่วนน้อยเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน (เช่น Mycoplasma pneumoniae‚ Clamydia pneumoniae‚ Streptococcus pneumoniae‚ Hemophilus  influenzae‚ Moraxella catarrhalis) ซึ่งมักพบในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้ที่สูบบุหรี่หรือสัมผัสถูกสิ่งระคายเคืองหรือมลพิษเป็นประจำ ผู้ที่เป็นโรคหวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือมีภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง

2. จากการถูกสิ่งระคายเคือง ที่พบบ่อย คือการสูบบุหรี่ ซึ่งทำให้ขนอ่อน (cilia) ที่เยื่อบุหลอดลมเคลื่อนไหว (โบกพัดเพื่อปกป้องผิวหลอดลม) น้อยลง เยื่อบุหลอดลมถูกระคายเคือง ทำให้ต่อมเมือกโตขึ้น มีเสมหะมากขึ้น เกิดการติดเชื้อได้ง่าย และฟื้นหายได้หายช้ากว่าปกติ

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากควัน ไอเสียรถยนต์ ฝุ่นละออง รวมทั้งเกิดจากการระคายเคืองของน้ำย่อย (ซึ่งเป็นกรด) ในผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน

พบได้บ่อยในผู้ที่สูบบุหรี่ หรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสิ่งระคายเคือง อาจเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย และอาจกลายเป็นหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ

อาการ

ที่สำคัญคือ มีอาการไอบ่อย ระยะแรกจะไอแห้ง ๆ   ใน 2-3 ชั่วโมงถึง 2-3 วัน ต่อมาจะเริ่มมีเสมหะเล็กน้อย เป็นเสมหะใส แล้วต่อมาเสมหะจะมีปริมาณมากขึ้น มีลักษณะเป็นสีขาว

ผู้ป่วยมักมีอาการเป็นไข้หวัด เจ็บคอนำมาก่อนที่จะเกิดอาการไอ บางรายอาจไม่มีอาการเหล่านี้นำมาก่อนก็ได้

ผู้ป่วยอาจไม่มีไข้หรือมีไข้ต่ำ ๆ อยู่นาน 3-5 วัน บางรายอาจมีอาการน้ำมูกไหล เจ็บคอเล็กน้อย ปวดศีรษะเล็กน้อย เสียงแหบ แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย หรือรู้สึกหายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อยร่วมด้วย

อาการมักจะทุเลาใน 7-10 วัน และหายภายใน 3 สัปดาห์ แต่บางรายอาจมีอาการไอต่อเนื่อง อาจนานถึง 8-12 สัปดาห์ โดยที่สุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี

ผู้ป่วยมักมีอาการไอมากเวลาล้มตัวลงนอนตอนกลางคืน (จนอาจทำให้นอนไม่พอ) หรือหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือเวลาสัมผัสถูกสิ่งระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ (เช่น ความเย็น ฝุ่น ควัน ลมจากพัดลม/เครื่องปรับอากาศ) ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บคอหรือเจ็บหน้าอกเวลาไอแรง ๆ หรืออาจมีอาการอาเจียนจากการไอ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก)

ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีอาการไอมีเสมหะที่มีลักษณะข้นและหนาตัวขึ้น สีเสมหะเปลี่ยนจากขาวเป็นเหลืองหรือเขียว มีไข้สูง อ่อนเพลียมาก ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บหน้าอกเวลาหายใจ รู้สึกเหนื่อยหอบ หรือหายใจมีเสียงดังวี้ด

ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญคือ ปอดอักเสบ ซึ่งมีโอกาสพบได้น้อยกว่าร้อยละ 5 ของผู้ป่วย พบได้บ่อยในทารก ผู้สูงอายุ ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือมีโรคปอดเรื้อรัง (เช่น หืด ถุงลมปอดโป่งพอง) อยู่ก่อน

ในรายที่เป็นซ้ำซาก อาจกลายเป็นหลอดลมอักเสบเรื้อรังและถุงลมปอดโป่งพอง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่) และหลอดลมพอง

บางรายอาจมีอาการไอเป็นเลือด

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

การตรวจร่างกาย ในรายที่อาการไม่รุนแรงมักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ

บางรายอาจพบไข้ต่ำ ๆ (ประมาณ 38 องศาเซลเซียส) หรือมีน้ำมูก

การใช้เครื่องฟังตรวจปอด อาจได้ยินเสียงหายใจหยาบ (coarse breath sound) หรือมีเสียงอึ๊ด (rhonchi) หรือเสียงกรอบแกรบ (crepitation) บางรายอาจมีเสียงวี้ด (wheezing)

ในบางกรณี เช่น ต้องการวินิจฉัยให้แน่ชัดเกี่ยวกับหลอดลมอักเสบที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือโรคปอดอักเสบแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ เอกซเรย์ปอด เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาระงับการไอ หรือยาขับเสมหะ ยาลดไข้

ถ้าไอมีเสมหะข้นเหนียว ควรหลีกเลี่ยงยาระงับการไอและยาแก้แพ้ อาจทำให้เสมหะเหนียวขับออกยาก หรืออุดกั้นหลอดลมเล็ก ทำให้ปอดบางส่วนแฟบได้

2. ถ้ามีเสียงวี้ดร่วมด้วย ให้ยาขยายหลอดลม (เช่น ยากลุ่มกระตุ้นบีตา 2) สูดหรือกิน

3. ยาปฏิชีวนะไม่มีความจำเป็น เนื่องจากส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมักหายได้เอง ยาปฏิชีวนะนอกจากไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสแล้ว ยังอาจเกิดผลข้างเคียงหลายอย่างตามมาได้

แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเฉพาะสำหรับผู้ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น เช่น พบว่าเสมหะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นข้นเหลืองหรือเขียว มีไข้สูง และมีอาการอ่อนเพลียหรือปวดเมื่อยตามตัวมาก หรือ ตรวจเลือดหรือเสมหะพบว่าเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะที่ใช้ เช่น อะม็อกซีซิลลิน, โคอะม็อกซิคลาฟ, อีริโทรไมซิน, ร็อกซิโทรไมชิน, ดอกซีไซคลีน หรือโคไตรม็อกซาโซล นาน 7-10 วัน

4. ถ้าผู้ป่วยยังมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียวหลังให้ยาปฏิชีวนะ 1 สัปดาห์ หรือยังรู้สึกหอบเหนื่อยหลังให้ยาขยายหลอดลม 3 วัน, สงสัยมีปอดอักเสบแทรกซ้อน (ไข้สูง หายใจหอบ),  มีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์, น้ำหนักลด, ไอออกเป็นเลือด หรือมีอาการกำเริบมากกว่า 3 ครั้งต่อปี แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ปอด ตรวจเสมหะ บางรายแพทย์อาจใช้กล้องส่องตรวจหลอดลม (bronchoscopy) และให้การรักษาตามสาเหตุ

ถ้าพบว่ามีสาเหตุจากโรคกรดไหลย้อน ก็ให้ยาลดการสร้างกรด และแนะนำการปฏิบัติตัวต่าง ๆ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะหายได้โดยการรักษาตามอาการ ส่วนน้อยที่ต้องให้ยาปฏิชีวนะ และน้อยรายที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงตามมา

การดูแลตนเอง

1. ถ้ามีอาการไอ มีเสมหะใสหรือเป็นสีขาว โดยยังรู้สึกแข็งแรงดี (กินได้ ทำงานได้) ซึ่งมั่นใจว่าเป็นหลอดลมอักเสบเฉียบพลันที่ไม่รุนแรง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    พักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอ
    ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) เพื่อช่วยให้เสมหะออกได้ง่ายขึ้น ควรหลีกเลี่ยงน้ำเย็นหรือน้ำใส่น้ำแข็ง
    งดสูบบุหรี่
    หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง ความเย็น น้ำแข็ง ของทอด ของมันๆ ฝุ่น ควัน ลม อากาศเสีย เป็นต้น
    ถ้าไอเล็กน้อยให้จิบน้ำอุ่น ๆ น้ำมะนาว หรือน้ำขิงอุ่นๆบ่อย ๆ ถ้าไอมากจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว (ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี) หรือยาแก้ไอมะขามป้อม หรืออมยาอมมะแว้ง (ยกเว้นเด็กเล็ก)
    ถ้ามีไข้ กินยาลดไข้-พาราเซตามอล
    หลีกเลี่ยงการกินยาแก้หวัดแก้แพ้ (เช่น คลอร์เฟนิรามีน) เพราะอาจทำให้เสมหะเหนียวขับออกยาก ทำให้ไอมากขึ้นได้
    ควรปรึกษาแพทย์
    - ถ้ามีไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียส
    - ไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว หรือไอเป็นเลือด
    - หายใจหอบ/มีเสียงวี้ด หรือเจ็บหน้าอกมาก
    - อ่อนเพลียมาก เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด
    - ไอมากจนทำให้นอนไม่ได้
    - ดูแลรักษาตนเอง 2 สัปดาห์แล้วอาการไอยังไม่ทุเลา
    - มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

2. ถ้าสงสัยว่ามีอาการรุนแรง หรือไม่มั่นใจที่ดูแลตนเองตั้งแต่แรก ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน ควรดูแลตนเองดังนี้

    กินยาตามและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษาตามที่แพทย์นัด
    ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
    - หายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกมาก
    - ไอเป็นเลือด หรือน้ำหนักลด
    - มีอาการไข้นานเกิน 4 วัน ไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว หรือไอนานเกิน 3 สัปดาห์
    - ในกรณีที่แพทย์ให้กินยาปฏิชีวนะ ถ้ากินไป 4 วันแล้วยังไม่ทุเลา หรือทำยาหาย
    - มีอาการที่สงสัยว่าแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    หาทางป้องกันไม่ให้เป็นไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่ ด้วยการหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่
    ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
    ไม่สูบบุหรี่
    หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง เช่น ควัน ไอเสียรถยนต์ ฝุ่นละออง เป็นต้น
    ในรายที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อน ควรดูแลรักษาโรคนี้ไม่ให้กำเริบบ่อย

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มักเป็นหลังจากเป็นไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่ มักมีอาการเล็กน้อย และหายได้เองภายใน 3 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถดูแลรักษาตนเองได้ ด้วยการบรรเทาอาการไอเป็นสำคัญ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือมีอาการไอนานเกิน 3 สัปดาห์ ก็ควรไปพบแพทย์

2. ผู้ป่วยบางรายอาจไอโครก ๆ อยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ ลักษณะไอแห้ง ๆ หรือมีเสมหะเล็กน้อยเป็นสีขาว ทั้งนี้เนื่องจากเยื่อบุหลอดลมถูกทำลายจากการอักเสบ ทำให้ไวต่อสิ่งกระตุ้น (เช่น บุหรี่ ควัน ฝุ่น ลม ความเย็น สิ่งระคายเคืองต่าง ๆ) และมีอาการไอระคายคอทันทีเมื่อสัมผัสถูกสิ่งกระตุ้น

เยื่อบุหลอดลมจะค่อย ๆ ฟื้นตัว กว่าจะแข็งแรงเต็มที่ใช้เวลานานหลายสัปดาห์ ผู้ป่วยมักจะมีสุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี ควรให้การดูแลโดยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ให้ยาแก้ไอบรรเทาเป็นครั้งคราว (ซึ่งไม่ได้ทำให้อาการไอหายเร็ว) แล้วรอเวลาให้หายตามธรรมชาติ ซึ่งแต่ละคนอาจมีระยะเวลาแตกต่างกันไป โดยทั่วไปอาจใช้เวลานาน 7-8 สัปดาห์ บางรายอาจนานถึง 12 สัปดาห์

แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้เรื้อรัง น้ำหนักลด หอบเหนื่อย ไอออกมาเป็นเลือด ไอรุนแรง หรือมีความวิตกกังวล ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

ในรายที่ตรวจไม่พบสาเหตุอื่น และมีอาการไอรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาไอพราโทรเพียมโบรไมด์ชนิดสูด อาจช่วยให้ทุเลาได้

3. ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโรคนี้ หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ (เช่น ไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ น้ำมูกไหล ไอ ท้องเดิน หายใจเหนื่อยหอบ) หรือทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ด้วยตนเองให้ผลเป็นบวก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

3
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
อาหารสายยาง อาหารทางการแพทย์มีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุอย่างไร

ในปัจจุบันอาหารทางการแพทย์มีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ แม้จะเป็นสูตรทั่วไป แต่ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งการเลือกใช้งานจึงขึ้นอยู่กับลักษณะและอาการป่วยของผู้ป่วย อาหารทางการแพทย์มีด้วยกันหลากหลายชนิด แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับโรค เพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารอย่างเหมาะสม สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงอาหารทางการแพทย์ของผู้สูงอายุ และมีประโยชน์อย่างไร หากใช้ในกลุ่มผู้สูงอายุ

สำหรับอาหารทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุนั้น ต้องพิจารณาในเรื่องของโรคของผู้สูงอายุ เพราะร่างกายของเรานั้น มีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงถึงให้มากเป็นพิเศษคือการยอมรับรสชาติ เนื่องจากผู้สูงอายุแต่ละคนก็มีการรับรสชาติที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น สูตรอาหารทางการแพทย์ที่เหมาะสมจึงควรเป็นสูตรที่ผู้สูงอายุสามารถยอมรับรสชาติได้ด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาบ รวมถึงป้องกันการเกิดอาการแทรกซ้อนจากการที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสม วันนี้เราจะมาพูดถึงอาหารทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายผู้สูงอายุอย่างไร เพื่อที่จะได้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการใช้อาหารทางการแพทย์

สำหรับในเรื่องของโภชนาการในกลุ่มผู้สูงอายุโดยทั่วไปที่ไม่ได้มีความต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้น สามารถเลือกใช้สูตรทั่วไปสูตรใดก็ได้ที่ผู้สูงอายุสามารถยอมรับรสชาติได้

ผู้สูงอายุที่มีปัญหาท้องผูก อาจพิจารณาเลือกสูตรที่มีการผสมใยอาหาร เพื่อช่วยให้ได้รับใยอาหารมากขึ้น ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น เพราะผู้สูงอายุที่มีปัญหาท้องเสีย อาจพิจารณาเลือกสูตรที่ไม่มีการผสมใยอาหารชั่วคราว จนกระทั่งอาการท้องเสียขึ้น จึงค่อยปรับไปใช้สูตรที่มีการผสมใยอาหาร สำหรับอาหารทางการแพทย์นี้นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถใช้เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดสารอาหารในผู้สูงอายุได้ หากใช้อย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักโภชนาการ

ดังนั้นก่อนการใช้อาหารทางการแพทย์ ผู้สูงอายุหรือผู้ดูแล ควรที่จะศึกษาเกี่ยวกับการใช้อาหารทางการแพทย์อย่างละเอียด เพราะอาหารทางการแพทย์ควรระมัดระวังในเรื่องของการใช้ เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ถ้าหากใช้อย่างผิดวิธี หรือไม่เหมาะสม แต่อาหารทางการแพทย์ก็มีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุหลายข้อ ไม่ว่าจะช่วยป้องกันอาการเยื่ออาหาร หรือป้องกันการขาดสารอาหารแล้ว ยังมีข้อดีอีกหลายข้อที่เป็นข้อดีต่อร่างกาย

อาหารทางการแพทย์ มีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยมาก โดยอาหารทางการแพทย์สามารถใช้เป็นอาหารหลักแทนอาหารแต่ละมื้อ สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติ เช่น ผู้ป่วยอัมพาต อัมพฤกษ์ รวมทั้งผู้ที่ร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารหรือเกลือแร่บางชนิด เช่น ผู้ป่วยไตวายต้องการอาหารที่จำกัดปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมผู้ป่วยเบาหวาน ต้องการอาหารที่มีค่าดัชนีน้าตาลต่ำ หรือผู้ที่สูญเสียกล้ามเนื้อต้องการอาหารที่มีโปรตีนสูง

นอกจากนี้อาหารทางการแพทย์ยังใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับผู้ที่รับประทานอาหารเองได้ แต่มีปริมาณและพลังงานไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด อาจมีอาการข้างเคียงเช่นเบื่ออาหาร กินอาหารหลักได้น้อย สารอาหารส่วนใหญ่ที่มีในอาหารทางการแพทย์คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน จะถูกดัดแปลงให้ย่อยง่ายหรือผ่านการย่อยแล้วบางส่วนเพื่อให้ดูดซึมได้ง่ายขึ้น ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว นี่คือข้อดีและประโยชน์ของอาหารทางการแพทย์ สำหรับผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อที่จะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และทำให้ร่างกายได้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้

6
ตรวจอาการด้วยตนเอง: ดีซ่านสรีระในทารกแรกเกิด (Physiologic jaundice)

ทารกแรกเกิดที่แข็งแรงเป็นปกติประมาณร้อยละ 60 อาจมีอาการดีซ่านได้ ทั้งนี้เนื่องจากตับของทารกยังทำงานไม่ได้เต็มที่ คือ ยังไม่สามารถขจัดสารสีเหลือง ได้แก่ บิลิรูบิน (bilirubin)* ที่เกิดจากการแตกของเม็ดเลือดแดงของทารกในปริมาณมาก จึงทำให้มีการคั่งของสารนี้จนเกิดอาการดีซ่าน เรียกว่า ภาวะดีซ่านสรีระ (physiologic jaundice) ซึ่งจะตรวจไม่พบโรคหรือความผิดปกติใด ๆ

ภาวะดีซ่านสรีระพบได้บ่อยในทารกที่ดูดนมหรือน้ำได้น้อยเกินไป

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดและทารกที่ตัวเล็กกว่าปกติมีโอกาสเป็นดีซ่านสรีระมากกว่าทารกที่คลอดปกติ

*บิลิรูบิน (bilirubin) เป็นสารสีเหลือง ซึ่งเกิดจากการสลาย (แตก) ตัวของเม็ดเลือดแดง โดยปกติตับจะทำหน้าที่ดึงเอาสารนี้ออกจากกระแสเลือด และนำไปสร้างน้ำดี

น้ำดีส่วนหนึ่งจะเก็บสะสมอยู่ในถุงน้ำดี ซึ่งต่อมาจะไหลผ่านท่อน้ำดีร่วม (common bile duct) ลงไปในลำไส้เล็กเพื่อช่วยย่อยอาหารพวกไขมัน น้ำดีส่วนที่เหลือจะไหลโดยตรงจากตับผ่านท่อตับ ท่อน้ำดี ลงไปที่ลำไส้เล็ก

ถ้าหากเกิดความผิดพลาดเกี่ยวกับขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการดังกล่าว เช่น เม็ดเลือดแดงแตกตัวมากเกินไป (เช่น ที่พบในโรคเม็ดเลือดแดงแตก) ท่อน้ำดีอุดตัน ตับอักเสบ ตับไม่สามารถขจัดสารบิลิรูบิน เป็นต้น ก็จะทำให้มีการคั่งของสารบิลิรูบินในกระแสเลือด (hyperbilirubinemia) กลายเป็นดีซ่าน
 

สาเหตุ

เกิดจากตับของทารกยังทำงานไม่ได้เต็มที่ ไม่สามารถขจัดสารสีเหลือง (บิลิรูบิน) จากกระแสเลือด ออกไปทางลำไส้ได้ทัน จึงมีการคั่งของสารนี้ ทำให้เกิดอาการตาเหลืองตัวเหลือง (ดีซ่าน) ชั่วคราวได้

อาการ

ทารกจะเริ่มมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง) เมื่อพ้นระยะ 24 ชั่วโมงหลังคลอด ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 2-3 วันหลังคลอด จะเหลืองเข้มที่สุดในราววันที่ 5-7 หลังคลอดแล้วจะค่อย ๆ จางหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยที่ทารกดูแข็งแรงดี ไม่มีไข้ ไม่ซึม ไม่งอแง ไม่ซีด ดูดนมและน้ำได้ดี ถ่ายอุจจาระสีปกติ

อาการเหลืองจะเริ่มจากบริเวณหน้าก่อน แล้วไล่ลงมาที่ลำตัว แขนและขา ตามลำดับ ส่วนเวลาจางจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม

ภาวะแทรกซ้อน

โดยทั่วไปภาวะเช่นนี้มักไม่มีอันตรายต่อทารกแต่อย่างใด ยกเว้นในรายที่มีอาการเหลืองจัด (มีระดับบิลิรูบินในเลือดสูงจัด) อาจทำให้สมองพิการได้ เนื่องจากสารบิลิรูบินเข้าไปสะสมในเนื้อสมอง ทำให้สมองทำหน้าที่ผิดปกติ เรียกว่า ภาวะสารบิลิรูบินสะสมในสมอง (kernicterus) หรือ โรคสมองบิลิรูบิน (bilirubin encephalopathy) ทารกจะมีอาการซึม ไม่ดูดนม อาเจียน หลังแอ่น ตาเหลือก ชัก และอาจเสียชีวิตได้ หรือไม่ก็อาจกลายเป็นเด็กพิการ ปัญญาอ่อน หูหนวก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก มีสิ่งตรวจพบ ได้แก่ ตาเหลือง ตัวเหลือง และปัสสาวะสีเหลืองเหมือนขมิ้น

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์จะทำการตรวจระดับบิลิรูบินในเลือด


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ถ้าพบอาการดีซ่านในทารกแรกเกิด ซึ่งเริ่มมีอาการในวันที่ 2-5 หลังคลอด แพทย์จะตรวจดูทารกอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสาเหตุจากอย่างอื่น และทารกท่าทางแข็งแรงดี ก็จะแนะนำให้ทารกดูดนมและน้ำให้มากขึ้น ให้ทารกผึ่งแดดอ่อน ๆ ตอนเช้า หรือใช้แสงไฟนีออนส่อง จะช่วยลดอาการเหลืองได้ แล้วทำการติดตามดูอาการของทารกอย่างใกล้ชิด ถ้าหากพบว่าทารกตัวเหลืองเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ หรือ ฝ่าเท้าเหลือง (ซึ่งมักมีระดับบิลิรูบินสูงกว่า 20 มก./ดล.) อาจจำเป็นต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

2. ถ้าพบว่าทารกมีอาการไข้ ซีด มีจุดแดงจ้ำเขียว ท้องเดิน อุจจาระสีเหลืองอ่อนหรือซีดขาว ซึมผิดปกติ ตัวอ่อนปวกเปียก ไม่ดูดนม อาเจียน ชัก หรือเริ่มมีอาการดีซ่านภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอดหรือเมื่อมีอายุมากกว่า 3 วัน แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ทำการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อค้นหาสาเหตุ และให้การรักษาตามสาเหตุ

3. ในรายที่เป็นภาวะดีซ่านสรีระ (ไม่มีโรคหรือความผิดปกติต่าง ๆ แต่เหลืองจัด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสมองทารก) แพทย์จะทำการบำบัดด้วยแสง (phototherapy คือการส่องด้วยแสงไฟนีออนของหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์หรือแสงสีน้ำเงิน)

หากไม่ได้ผล หรือพบว่ามีระดับบิลิรูบินในเลือดสูงมาก (มากกว่า 20-25 มก./ดล. ในทารกคลอดครบกำหนด ส่วนในทารกคลอดก่อนกำหนดคิดที่ค่าต่ำกว่านี้) แพทย์ก็จะทำการเปลี่ยนถ่ายเลือด (exchange transfusion)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่หายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าปล่อยไว้จนมีอาการเหลืองจัด และได้รับการรักษาล่าช้าไป ก็อาจมีความยุ่งยากในการรักษา หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

*ทารกที่ดื่มนมมารดาตั้งแต่แรกเกิดอาจมีอาการดีซ่านได้บ่อย ซึ่งเป็นไปได้ 2 ลักษณะ คือ

1. เกิดจากนมมารดาออกน้อย หรือให้ทารกดูดนมน้อย ทำให้ทารกได้ปริมาณนมน้อยเกินไป เกิดภาวะขาดน้ำ ประกอบกับลำไส้ทารกเคลื่อนตัวช้าเนื่องจากไม่มีนมกระตุ้น ทำให้มีการดูดซึมบิลิรูบินกลับเข้าเลือดมากขึ้น จึงเกิดอาการดีซ่าน ซึ่งมักเกิดขึ้นภายใน 7 วันแรกหลังคลอด และมีอาการน้ำหนักลดร่วมด้วย เมื่อให้ดูดนมบ่อยขึ้น (เพิ่มเป็นวันละ 8-12 ครั้ง) มีปริมาณนมออกมากขึ้น อาการก็จะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เองเป็นส่วนใหญ่

ลักษณะนี้เรียกว่า ภาวะดีซ่านจากการเลี้ยงนมมารดา (breast-feeding jaundice)

2. เกิดจากนมมารดาในบางรายจะมีสารบางชนิด เช่น กรดไขมันอิสระ บีตากลูคูโรนิเดส (beta glucuronidase) ในปริมาณมากกว่าปกติ ส่งผลให้ทารกเกิดอาการดีซ่าน ซึ่งมักเกิดขึ้นในวันที่ 4-7 หลังคลอด และอาจเป็นอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ (บางรายอาจนานถึง 12 สัปดาห์) ส่วนใหญ่มักไม่มีความรุนแรง

ลักษณะนี้เรียกว่า ภาวะดีซ่านจากนมมารดา (breast milk jaundice) หากพบอาการนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นก่อน

เมื่อมั่นใจว่าเกิดจากนมมารดา ส่วนใหญ่ก็ยังคงแนะนำให้เลี้ยงทารกด้วยนมมารดาต่อไป และอาจให้นมผสมเสริม หากไม่ทุเลาอาจงดให้นมมารดา 1-2 วัน อาการมักจะทุเลาได้ น้อยรายที่อาจมีอาการเหลืองจัดจนต้องให้การบำบัดด้วยแสง หรือเปลี่ยนถ่ายเลือด


การดูแลตนเอง

1. ถ้าพบอาการดีซ่านในทารกแรกเกิด ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นดีซ่านสรีระในทารกแรกเกิด ควรดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามการรักษาตามที่แพทย์นัด ควรให้ทารกดูดนมแม่โดยเร็ว(ภายใน 1/2 - 1 ชั่วโมงหลังคลอด) และบ่อยๆ ดื่มน้ำให้มากขึ้น และให้ทารกผึ่งแดดอ่อน ๆ ตอนเช้า หรือใช้แสงไฟนีออนส่อง

2. ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าทารกมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้ อาเจียน ท้องเดิน ซีด มีจุดแดงจ้ำเขียว ซึมผิดปกติ ตัวอ่อนปวกเปียก หรือชัก
    อุจจาระสีเหลืองอ่อน หรือซีดขาว
    ทารกไม่ดูดนม
    มีอาการตัวเหลืองเข้มขึ้นเรื่อย ๆ หรือ ฝ่าเท้าเหลือง
    เริ่มมีอาการดีซ่านภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอดหรือเมื่อมีอายุมากกว่า 3 วัน
    มีความวิตกกังวล

การป้องกัน

หลังคลอดควรให้ทารกดูดนมโดยเร็ว (ภายใน 1/2 - 1 ชั่วโมงหลังคลอด) และบ่อย ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนตัวและถ่ายอุจจาระ อาจช่วยป้องกันการเกิดภาวะดีซ่าน และลดความรุนแรงลงได้

ข้อแนะนำ

ควรทำการตรวจดูอาการดีซ่านในทารกทุกรายตั้งแต่ระยะหลังคลอดจนพ้นระยะ 1-2 สัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เนื่องจากมักมีสาเหตุร้ายแรง ซึ่งหากได้รับการรักษาแต่เนิ่น  ๆ จะสามารถช่วยให้อยู่รอดปลอดภัย และลดภาวะแทรกซ้อนทางสมองลงได้มาก

7
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



8
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


9
ดอกบัวในโถแก้ว: 5 สูตรการทำดอกไม้แห้ง แบบมีชีวิตชีวา

ดอกไม้เป็นสิ่งมีชีวิต ถึงคุณจะพยายามยืดอายุของดอกไม้ให้นานแค่ไหน ก็ต้องมาถึงวันที่ดอกไม้ต้องร่วงโรย แต่เราแนะนำว่าคุณอย่าเพิ่งทิ้ง เพราะคุณสามารถนำมาทำเป็นดอกไม้แห้งเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไปได้อีก


1. ผึ่งลมให้แห้ง

วิธีดั้งเดิมและง่ายที่สุดในการทำดอกไม้แห้งก็คือการผึ่งลม แต่คุณต้องมีความอดทนรอสักหน่อย เพียงแค่รวบดอกไม้เข้าด้วยกัน มัดปลายก้านด้วยหนังยาง นำไปผูกกับราวตากแบบห้อยหัวลงเพื่อให้ดอกไม้ยังคงรูปทรงที่ตรงและคอไม่หัก

คุณควรตากในที่ที่มีลมหมุนเวียนดีแต่ไม่โดนแดดโดยตรงเพราะจะทำให้ดอกไม้กรอบและแตก การทำดอกไม้แห้งแบบผึ่งลมจะใช้เวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์


2. หนังสือเล่มหนา

อีกวิธีโบราณในการทำดอกไม้แห้งคือการทับด้วยหนังสือ หากระดาษไขแผ่นใหญ่มาใส่ในหนังสือ วางดอกไม้ที่ตัดก้านออกหมดลงไป กดดอกไม้ให้แบนเรียบได้รูปทรง ค่อยๆ ปิดหนังสือลงมาทับ นำหนังสือไปวางใต้กองหนังสือ เปลี่ยนกระดาษไขทุกอาทิตย์ ทำแบบนี้สัก 1 เดือนก็จะได้ดอกไม้แห้ง


3. ใส่ไมโครเวฟ

วิธีนี้เป็นการทำดอกไม้แห้งที่ใช้เวลาน้อย ให้คุณหาจานเซรามิกขนาดใหญ่มา 2 ใบ วางกระดาษกรองกาแฟบนจาน จากนั้นวางดอกไม้ที่คุณจะทำให้แห้ง โดยควรเลือกดอกไม้ที่มีขนาดและความหนาใกล้เคียงกันมาอบพร้อมกันจะใด้ใช้เวลาใกล้เคียงกันในการอบ วางกระดาษกรองกาแฟทับด้านบน และวางจานอีกไปทับลงไป อุ่นไมโครเวฟ 1 นาที นำออกมาเปลี่ยนกระดาษกรองกาแฟแล้วทำซ้ำจนคุณได้ดอกไม้แห้ง


4. สารดูดความชื้น

ซิลิกาเจลเป็นสารดูดความชื้นที่นิยมใช้เพราะทำดอกไม้แห้งได้เร็ว แถมยังนำกลับไปใช้ซ้ำได้ ให้คุณหากล่องที่มีฝาปิด เทเจลลงไป ตัดก้านดอกไม้แล้วปักไปบนซิลิกาเจลก่อนที่จะเทเจลชนิดนี้ทับไปบนดอกไม้อีกชั้น สุดท้ายปิดฝาแล้วทิ้งไว้ในที่แห้ง

การทำดอกไม้แห้งวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน แต่ถ้าดอกไม้หนาก็อาจใช้เวลาถึง 1 อาทิตย์ ในส่วนของซิลิกาเจล เมื่อใช้เสร็จนำไปตากแดดจัดก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้แล้ว


5. การชุบเทียน

การทำดอกไม้แห้งวิธีนี้อาจยุ่งยากสักหน่อย แต่ดอกไม้ที่ได้จะสวยและมีความมันวาว ให้คุณใช้หม้อ 2 ขนาด โดยขนาดใหญ่ใส่น้ำ และขนาดเล็กใส่พาราฟินแว็กซ์อยู่ชั้นใน นำไปต้มที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ควรรักษาอุณหภูมินี้ตลอดการทำ

นำดอกไม้มาชุบโดยจับที่ก้าน เมื่อจุ่มเสร็จให้ยกดอกไม้ขึ้นมาทันที หากน้ำเทียนไม่เข้าถึงใจกลางดอกไม้ ให้คุณใช้ช้อนตักน้ำเทียนมาราดแล้วเทออก ผึ่งดอกไม้บนกระดาษไข เมื่อแห้งแล้วชุบก้านด้วยวิธีเดียวกัน

เมื่อได้ดอกไม้แห้งแล้ว คุณสามารถนำไปปักแจกันหรือใส่ภาชนะรูปทรงเก๋ๆ เพื่อตกแต่งบ้าน ก็จะได้บรรยากาศแบบบ้านสไตล์ยุโรป หรือคุณอาจนำไปทำสิ่งประดิษฐ์ เช่น เครื่องประดับซิลิโคน ปกหนังสือ ตกแต่งการ์ด หรือแม้กระทั่งใช้ตกแต่งทรงผมให้สวยหวานเป็นเจ้าสาวเลอโฉม


ดอกไม้สดในบ้าน เบิกบานจิตใจ

การตกแต่งบ้านด้วยดอกไม้สด ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือคุณได้บ้านที่สวย ดูดีมีบรรยากาศ แต่ประโยชน์แฝงก็คือ คุณได้ฝึกสมาธิ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย และพักจากสิ่งวุ่นวายที่ประดังเข้ามาในชีวิตประจำวันของคุณ เราอยากให้คุณนำวิธีเก็บดอกไม้สดไปใช้ดู แล้วคุณจะได้เสพความงามพร้อมชื่นชมดมดอกไม้สวยๆ ไปนานๆ



10
การจัดฟันเด็ก ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง

การเข้ารับการจัดฟัน ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน นอกจาก จะช่วยทำให้เสริมสร้างบุคลิกภาพแล้ว ยังทำให้เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ การจัดฟันยังช่วยทำให้เราใช้งานฟันของเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีการสบฟันที่ดีขึ้นและบดเคี้ยวอาหารได้ดีกว่าเดิม แต่ในทางกลับกันการเข้ารับการจัดฟันก็มีอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรับประทานอาหาร


สำหรับผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแล้วการรับประทานอาหารจะต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ จะต้องเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม เนื่องจากเรามีเครื่องมือการจัดฟันติดอยู่ภายในช่องปาก ทำให้เราต้องคำนึงถึงเครื่องมือการจัดฟันด้วย เพราะถ้าหากรับประทานอาหารที่มีความแข็งและเหนียวมากจนเกินไป อาจจะส่งผลให้เครื่องมือจัดฟันหลุดขณะเรารับประทานอาหารได้ นี่ถือเป็นข้อจำกัดที่ผู้เข้ารับการจัดฟันทุกคนจะต้องเจอและถือว่าเป็นอุปสรรคสำหรับใครหลายหลายคน ซึ่งแน่นอนว่าการจัดฟันส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างเห็นได้ชัด

 
พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนที่มีบุตรหลานที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟันและกังวลว่า ถ้าหากบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าในวัยเด็กนั้น เป็นวัยของการเจริญเติบโตเป็น วัยแห่งการเรียนรู้ แน่นอนว่าเด็กๆอาจจะใช้เวลาไปกับการเล่นไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมต่างๆ ในข้อนี้เด็กก็ต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเรามีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะฉะนั้น แล้วการจัดฟันส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเราปรับตัวได้ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะทำให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีแล้วก็จะช่วยให้บุตรหลานของท่านมีพัฒนาการเกี่ยวกับการเรียนรู้ได้ไม่จำกัด

สำหรับในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ การรับประทานอาหาร การทำความสะอาดช่องปากและฟัน ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงเรื่องของบุคลิกภาพ การที่เด็กมีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก อาจจะส่งผลทำให้ออกเสียงไม่ชัด พูดไม่ชัด ทำให้เด็กเสียบุคลิกภาพได้

แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปและเด็กปรับตัวเข้ากับเครื่องมือการจัดฟันได้ดีแน่นอนว่า ปัญหานี้ก็จะหมดไปอย่างแน่นอน ต่อมาในเรื่องของการรับประทานอาหาร ซึ่งผู้เข้ารับการจัดฟันหลายคนคงเคยพบเจอกับปัญหาดังกล่าว เพราะการที่เรารับประทานอาหารเข้าไป เศษอาหารมักจะติดอยู่ในซอกเหล็ก ซึ่งเมื่อเรารับประทานอาหารเสร็จแล้ว ควรบ้วนปากเพื่อทำความสะอาด หรือควรที่จะตรวจสอบความเรียบร้อยทุกครั้ง เพราะถ้าหากเศษอาหารติดอยู่ที่ซอกเหล็กแน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ และที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ เราควรจะเลือกรับประทานอาหารที่มีความอ่อน นุ่ม เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเครื่องมือการจัดฟันหลุดขณะรับประทานอาหาร


นอกจากนี้ ในการจัดฟันในเด็กนั้น จะต้อระมัดระวังในเรื่องของการร่วมกิจกรรมต่างๆที่เสี่ยงต่อการเกิดการปะทะ เช่น การเล่นกีฬา เป็นต้น เพราะอาจจะทำให้เด็กเกิดอันตรายได้ ทั้งหมดนี้คือ ผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประวัน ของเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นผลกระทบที่สามารถแก้ไขได้ หาก เด็กปรับตัวและระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้ก็จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับเครื่องมือการจัดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก ซึ่งจะแนะนำวิธีการดูแลรักษาความสะอาด และวิธีการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับเครื่องมือการจัดฟันได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากที่สุด ทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่น่ารัก สดใสสมวัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

11
Doctor At Home: กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barre syndrome)

กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร ก็เรียก) เป็นโรคที่มีภาวะผิดปกติของประสาทส่วนปลาย (peripheral nerves) หลายเส้นทั่วร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักพบหลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร โดยไม่ทราบสาเหตุ

โรคนี้นับว่าเป็นภาวะรุนแรง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้

พบได้ปีละประมาณ 1.2-3 คน ต่อประชากร 100,000 คน พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบบ่อยในกลุ่มอายุ 15-35 ปี และ 50-75 ปี และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.5 เท่า

สาเหตุ

เกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (autoimmune reaction) ต่อปลอกหุ้มเส้นประสาท (myelin sheath) ส่วนปลายหลายเส้นทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่แขนขาและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

ประมาณร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยมักเกิดหลังการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสนับเป็นสัปดาห์ ที่พบบ่อยคือหลังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ รองลงมาคือ หลังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร

เชื้อต้นเหตุที่พบบ่อย เช่น แคมไพโรแบกเตอร์เจจูนิ (Campylobacter jejuni)*, ไวรัสไซโตเมกาโล (cytomegalovirus), ไวรัสเอปสไตน์บาร์/อีบีวี (Epstein-Barr virus/EBV), ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไวรัสตับอักเสบ, ไวรัสโควิด19, ไวรัสชิคุนกุนยา, ไวรัสซิกา, เอชไอวี, เชื้อไมโคพลาสมานิวโมเนีย (Mycoplasma pneumonia)** เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบผู้ป่วยโรคนี้หลังได้รับวัคซีนบางชนิด (วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า) หรือหลังได้รับการผ่าตัดบางอย่าง

*เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องเดินจาก โรคอาหารเป็นพิษจากเชื้อโรค เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อชนิดนี้จากการกินอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้อสัตว์ เป็ดไก่
**เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ โรคปอดอักเสบ

อาการ

อาการมักเกิดหลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ) หรือทางเดินอาหาร (ท้องเดิน อาหารเป็นพิษ) ประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยมีอาการชาที่ปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้า และกล้ามเนื้ออ่อนแรงของแขนหรือขา

ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการที่ปลายเท้าและขา ทำให้เดินเซ หรือเดินไม่ได้ ขึ้นบันไดไม่ได้ บางรายอาจเริ่มมีอาการที่ใบหน้าหรือแขนก่อน แล้วต่อมา (นับเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ) ก็จะลุกลามไปที่ร่างกาย แขนขา และกล้ามเนื้อแทบทุกส่วน ซึ่งอาจกลายเป็นอัมพาตรุนแรงทั่วร่างกายได้

ผู้ป่วยอาจมีอาการกล้ามเนื้อตาและใบหน้าอ่อนแรง มีอาการกลอกตาไม่ได้ มองเห็นภาพซ้อน พูดอ้อแอ้ เคี้ยวและกลืนลำบากร่วมด้วย

บางรายอาจมีอาการปวดมากตามร่างกาย (เช่น บริเวณไหปลาร้า สะบัก หลัง ก้น ต้นขา) จะปวดมากเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย และอาการอาจเป็นมากขึ้นตอนกลางคืน

บางรายอาจมีความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้มีอาการชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือความดันตกในท่ายืน (ลุกขึ้นยืนจะมีอาการหน้ามืด เป็นลม) กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ เป็นต้น

หากเป็นรุนแรง อาจทำให้กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต หยุดหายใจ หรือหัวใจวาย เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

โรคนี้มักมีอาการเปลี่ยนแปลงเร็ว อาการมักทรุดหนักได้ภายในไม่กี่วันหลังเริ่มมีอาการ และมักเป็นอยู่นานประมาณ 2-4 สัปดาห์

ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรง ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะหายใจลำบาก (เนื่องจากกล้ามเนื้อควบคุมการหายใจเป็นอัมพาต) ภาวะหัวใจวาย โรคติดเชื้อ (ปอดอักเสบ ภาวะโลหิตเป็นพิษ) เป็นต้น

ในรายที่เป็นอัมพาต นอนติดเตียงนาน ๆ นอกจากทำให้เป็นแผลกดทับแล้ว ยังอาจเกิด ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด ทำให้เกิดภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอดแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้               

บางรายอาจกลายเป็นอัมพาตหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรัง หรือมีอาการชาหรือเสียวของแขนขาเรื้อรัง

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมักตรวจพบอาการกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต เดินไม่ได้ พูดอ้อแอ้ เคี้ยวลำบาก กลืนลำบาก กลอกตาไม่ได้

เมื่อใช้ค้อนยางเคาะดูรีเฟลกซ์ของข้อเข่าและข้อเท้าพบว่าลดลงหรือไม่มีเลย

อาจตรวจพบชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือพบภาวะความดันตกในท่ายืน

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด ด้วยการตรวจพิเศษ เช่น การเจาะหลัง (lumbar puncture) การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (electromyography/EMG) การตรวจการชักนำประสาท (nerve conduction study) การตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกราย แม้บางรายในช่วงแรกอาการจะดูเหมือนไม่หนัก แต่เนื่องจากโรคนี้อาจมีอาการรุนแรงขึ้นในเวลาต่อมาไม่นานได้ จึงต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและแก้ไขภาวะแทรกซ้อน เช่น ให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อ (เช่น ปอดอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ) สารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant สำหรับผู้ที่นอนติดเตียง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด) การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น

ในรายที่กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต หายใจลำบาก แพทย์จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

บางราย อาจต้องทำการถ่ายพลาสมา (plasmapheresis) หรือฉีดอิมมูนโกลบูลินเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อกำจัดสารภูมิต้านทานที่เป็นตัวก่อโรค

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค สภาพร่างกายของผู้ป่วย การได้รับการรักษาเร็วหรือช้า

ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอาการทรุดลงเร็ว ผู้ที่ได้รับการรักษาช้า และผู้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหรือเสียชีวิตสูง   

ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงเป็นปกตินาน 6-12 เดือน บางรายอาจนานเป็นแรมปี

บางรายอาการอาจไม่หายขาด และมีความพิการอย่างถาวร

บางรายหลังจากอาการทุเลาดีนานเป็นแรมเดือนแรมปีแล้ว อาจมีอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงกำเริบซ้ำในเวลาต่อมาได้

สำหรับเด็กและคนอายุน้อย มักจะฟื้นตัวได้ดีกว่าคนอายุมาก

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการชาที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนหรือขาอ่อนแรง เดินลำบาก พูด เคี้ยวหรือกลืนลำบาก ซึ่งเกิดขึ้นเฉียบพลัน ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    สงสัยอาการกำเริบหรือมีภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น มีอาการไข้ ชาตามนิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนขาอ่อนแรง เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้

ข้อแนะนำ

1. หลังจากหายจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ) หรือทางเดินอาหาร (เช่น ท้องเดิน อาหารเป็นพิษ) หากมีอาการสงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ เช่น มีอาการชาที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนหรือขาอ่อนแรง ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากแม้ระยะแรกอาการดูไม่รุนแรง แต่อาการจะทรุดหนักตามมาจนเป็นอัมพาตทั้งตัวได้ภายในไม่กี่วัน และเป็นอันตรายร้ายแรงได้

2. การไปปรึกษาแพทย์และได้รับการรักษาที่ถูกต้องแต่เนิ่น ๆ มีส่วนช่วยให้การรักษาได้ผลดี และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้

3. ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจต้องอยู่รักษาที่โรงพยาบาลนาน และเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วใช้เวลานานเป็นแรมเดือนแรมปีในการฟื้นฟูร่างกายให้หายเป็นปกติ ผู้ป่วยควรเรียนรู้ให้เข้าใจธรรมชาติของโรคและวิธีดูแลรักษา ควรปฏิบัติตัวและติดตามรักษากับแพทย์และทีมงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

12
สูตรพาสต้าอร่อยๆ ทำขายสร้างรายได้ ง่ายๆ ได้ที่บ้าน

พาสต้าเป็นเมนูที่ได้รับความนิยม ทำง่าย ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย และมีศักยภาพในการสร้างรายได้ดี หากคุณมีฝีมือในการทำอาหารและต้องการหารายได้เสริมจากที่บ้าน ลองพิจารณาสูตรพาสต้าเหล่านี้ดูครับ:

1. สปาเก็ตตี้ซอสหมูสับ (Spaghetti with Minced Pork Sauce): เมนูคลาสสิก ขายง่าย ทานได้ทุกวัย

วัตถุดิบ:

เส้นสปาเก็ตตี้ 200 กรัม
หมูสับ 200 กรัม
หอมใหญ่สับละเอียด 1/2 หัว
กระเทียมสับละเอียด 2 กลีบ
มะเขือเทศกระป๋อง (แบบสับ) 400 กรัม
ซอสมะเขือเทศเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา (หรือตามชอบ)
พริกไทยดำป่น เล็กน้อย
น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ใบโหระพาสด (สำหรับตกแต่ง)
พาร์มิจาโน เรจจาโนขูด (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำ:

ต้มเส้นสปาเก็ตตี้ในน้ำเดือดที่เติมเกลือเล็กน้อย จนสุก Al Dente (ประมาณ 8-10 นาที) ตักขึ้นพักไว้
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ผัดหอมใหญ่และกระเทียมจนหอม
ใส่หมูสับลงไปผัดจนสุก
ใส่มะเขือเทศกระป๋อง ซอสมะเขือเทศเข้มข้น น้ำตาล เกลือ และพริกไทย เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 10-15 นาที
ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปคลุกเคล้ากับซอสให้เข้ากัน
ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยใบโหระพา โรยหน้าด้วยพาร์มิจาโนชีสขูด

2. สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า (Spaghetti Carbonara): เมนูยอดนิยม รสชาติเข้มข้น หอมมัน

วัตถุดิบ:

เส้นสปาเก็ตตี้ 200 กรัม
เบคอนหั่นเต๋า 100 กรัม
ไข่แดง (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
พาร์มิจาโน เรจจาโนขูด 50 กรัม
วิปปิ้งครีม (35% ไขมันขึ้นไป) 50 มิลลิลิตร
กระเทียมสับละเอียด 1 กลีบ
น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ เล็กน้อย (ระวังเบคอนเค็มอยู่แล้ว)
พริกไทยดำป่น เล็กน้อย

วิธีทำ:

ต้มเส้นสปาเก็ตตี้ในน้ำเดือดที่เติมเกลือเล็กน้อย จนสุก Al Dente ตักขึ้นพักไว้ เก็บน้ำต้มเส้นไว้เล็กน้อย
ผัดเบคอนในกระทะจนกรอบ ตักขึ้นพักไว้ เหลือแต่น้ำมันเบคอนในกระทะ ใส่กระเทียมสับลงไปผัดพอหอม
ในชามผสม ตีไข่แดงกับพาร์มิจาโนชีส วิปปิ้งครีม เกลือ และพริกไทยดำให้เข้ากัน
ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงในกระทะที่มีน้ำมันเบคอนและกระเทียม ผัดคลุกเคล้า
ปิดไฟ ราดส่วนผสมไข่ลงไป คลุกเคล้าอย่างรวดเร็ว ถ้าน้ำข้นเกินไป เติมน้ำต้มเส้นเล็กน้อย
ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยเบคอนกรอบและพริกไทยดำ

3. เฟตตูชินี่ครีมซอสเห็ด (Fettuccine with Creamy Mushroom Sauce): เมนูมังสวิรัติที่อร่อยและขายได้

วัตถุดิบ:

เส้นเฟตตูชินี่ 200 กรัม
เห็ดต่างๆ หั่น (เช่น เห็ดแชมปิญอง, เห็ดออรินจิ, เห็ดหอมสด) 200 กรัม
หอมใหญ่สับละเอียด 1/2 หัว
กระเทียมสับละเอียด 2 กลีบ
วิปปิ้งครีม (35% ไขมันขึ้นไป) 200 มิลลิลิตร
นมสด 50 มิลลิลิตร
พาร์มิจาโน เรจจาโนขูด 30 กรัม
น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา (หรือตามชอบ)
พริกไทยดำป่น เล็กน้อย
ใบพาร์สลีย์สับ (สำหรับตกแต่ง)

วิธีทำ:

ต้มเส้นเฟตตูชินี่ในน้ำเดือดที่เติมเกลือเล็กน้อย จนสุก Al Dente ตักขึ้นพักไว้
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ผัดหอมใหญ่และกระเทียมจนหอม
ใส่เห็ดต่างๆ ลงไปผัดจนสุกและมีสีน้ำตาลเล็กน้อย
ใส่วิปปิ้งครีม นมสด เกลือ และพริกไทย เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนซอสข้นขึ้นเล็กน้อย
ใส่เส้นเฟตตูชินี่ลงไปคลุกเคล้ากับซอสให้เข้ากัน
ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยพาร์มิจาโนชีสขูดและใบพาร์สลีย์สับ

เคล็ดลับการทำขายสร้างรายได้ง่ายๆ ได้ที่บ้าน:

วัตถุดิบคุณภาพ: เลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่และมีคุณภาพดี รสชาติจะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ความสม่ำเสมอ: รักษามาตรฐานรสชาติและปริมาณให้สม่ำเสมอทุกครั้ง
ความสะอาด: ให้ความสำคัญกับความสะอาดของวัตถุดิบและกระบวนการทำอาหาร
บรรจุภัณฑ์: เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ปลอดภัย เก็บความร้อนได้ดี และดูน่าทาน
ราคาที่เหมาะสม: คำนวณต้นทุนและตั้งราคาที่แข่งขันได้และมีกำไร

การตลาดออนไลน์:
รูปภาพน่าดึงดูด: ถ่ายรูปพาสต้าของคุณให้สวยงาม ชวนหิว
โซเชียลมีเดีย: โปรโมทผ่าน Facebook, Instagram, TikTok
แอปพลิเคชันส่งอาหาร: เข้าร่วมแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
โปรโมชั่น: จัดโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ส่วนลด, ซื้อครบแถม
รับออเดอร์ล่วงหน้า: ช่วยให้คุณจัดการวัตถุดิบและเวลาได้ดีขึ้น
บริการที่ดี: สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยการบริการที่รวดเร็วและเป็นกันเอง
เมนูหลากหลาย: นำเสนอเมนูพาสต้าที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน
ต่อยอดเมนู: ลองสร้างสรรค์เมนูพาสต้าใหม่ๆ หรือเพิ่มท็อปปิ้งพิเศษเพื่อเพิ่มมูลค่า

การตั้งราคา (ตัวอย่าง):

ต้นทุนต่อจาน: คำนวณจากราคาส่วนผสมทั้งหมดต่อหน่วย
บวกกำไร: ตั้งเป้าหมายกำไรที่ต้องการ (เช่น 30-50%)
ราคาขาย: ต้นทุน + กำไร
ตัวอย่างราคาขาย (อาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่และต้นทุน):

สปาเก็ตตี้ซอสหมูสับ: 60-80 บาท
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า: 80-100 บาท
เฟตตูชินี่ครีมซอสเห็ด: 70-90 บาท
ข้อควรจำ: เริ่มต้นจากเมนูที่คุณถนัดและทำได้ดีก่อน เมื่อมีฐานลูกค้าแล้วค่อยขยายเมนู การรักษาคุณภาพและความอร่อยคือหัวใจสำคัญของการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนครับ!

13
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


15
จัดฟันบางนา: ผลข้างเคียงที่พบ หลังฝังรากฟันเทียม !

การผ่าตัดฝังรากฟันเทียมนั้น ถึงแม้จะเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ดีที่สุด และเป็นกระบวนการรักษาทางการแพทย์ที่กระบวนการรักษาเหมือนกับการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามบางครั้งอาจจะมีข้อผิดพลาดขึ้นได้ รวมไปถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังจากการรักษา ถือว่าเกิดขึ้นได้บ่อย

โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นนี้ สามารถแก้ไขให้หายได้ สำหรับผลข้างเคียงที่มักจะพบได้บ่อยมากที่สุดก็คืออาการเจ็บเหงือก เจ็บฟัน ซึ่งในการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมนั้น ทันตแพทย์จะใช้ยาชากับผู้เข้ารับการรักาาอยู่แล้วในขั้นตอนการผ่าตัด เพื่อที่จะได้เจ็บ แต่หลังจากการผ่าตัดแล้ว ยาชาเกิดหมดฤทธิ์ ผู้เข้ารับการรักษาอาจจะรู้สึกเจ็บปวด รู้สึกตึงบริเวณบาดแผล โดยความเจ็บปวดอาจจะลุกลามไปถึงกระดูกขากรรไกรได้

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องตกใจ ต่อมาบาดแผลจากการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ในบางกรณีผู้เข้ารับการรักษาจะพบว่าตัวเองมีรอยแผลบนเหงือก บริเวณรอบๆจุดที่ทำการฝังรากฟันเทียม และแผลลักษณะแบบนี้จะสังเกตุได้ยาก ซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาบางรายอาจจะไม่รู้ตัวว่ามีแผล เพราะฉะนั้นหลังจากการฝังรากฟันเทียม ควรส่องกระจกและสังเกตุช่องปากให้ดี หากมีแผลควรดูแลรักษาให้ดี สุดท้ายผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยๆมากๆ ก็คือ อาการเหงือกบวม อาการนี้เป็นเรื่องปกติมาก ไม่ว่าจะผ่าตัดบริเวณใดก้ตาม อาการบวมนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ ในกรณีของการฝังรากฟันเทียม การที่เหงือกบวมนั้นอาจบวมไปถึงบริเวณอื่นๆที่อยู่ใกล้กับจุดฝังรากฟันเทียมได้ หากผู้เข้ารับการรักษาจะประคบ อาการบวมก็จะค่อยๆทุเลาลง


วิธีการดูแลช่องปาก ระหว่างรอให้แผลหาย !

การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี หลังจากการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อให้ผลการรักษามีอัตราความสำเร็จมากขึ้นการดูแลสุขภาพช่องปากในช่วงระหว่างรอให้แผลหาย ก็สำคัญมากเช่นกัน

หากเราละเลยการดูแลช่องปาก ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในระหว่างการพักฟื้นได้ สำหรับการดูแลแผลนั้น เราต้องสังเกตุอาการด้วย การมีคราบเลือดแห้งกรังติดบริเวณแผลหลังการผ่าตัดเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องตกใจ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมต่างๆที่อาจกระทบบริเวณบาดแผลผ่าตัด ไม่ควรบ้วนปากอย่างรุนแรงหรือใช้สิ่งแปลกปลอมรวมถึงนิ้วมือแตะหรือเขี่ยบริเวณแผลผ่าตัด เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการบวมหรืออักเสบได้

สำหรับบุคคลที่สูบบุหรี่ ควรงดสูบบุหรี่และงดการใช้หลอดดื่มน้ำในช่วง 72 ชั่วโมงหลังการผ่าตัดเนื่องจากการออกแรงดูดมีผลต่อการหายของแผลได้ ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการรักษา สามารถดื่มน้ำหรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดลิ้นเพื่อทำความสะอาดได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณแผลผ่าตัด หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด จะช่วยทำให้แผลแห้งเร็ว และลดปัญหาการไหลซึมของเลือด ควรทาขี้ผึ้งหรือวาสลีนบนริมฝีปากในช่วง 2 วันแรกหลังการผ่าตัดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาริมฝีปากแห้งหรือแตกได้ หากเราทำได้ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ จะทำให้แผลผ่าตัดหายไว และรากฟันจะมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้ดีขึ้นด้วย

หน้า: [1] 2 3 ... 19